Category:

สุขภาพ

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค เมื่อต้องเจอกับเชื้อโรค ร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับมันอย่างไร และเราจะทำอย่างไร เพื่อช่วยเสริมให้ร่างกายมีวิธีรับมือได้ดีกับทั้งเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่าง ๆ ที่จะเข้ามา วันนี้ เว็บหวยสด จะชวนมาทำความเข้าใจเกี่ยวระระบบภูมิคุ้มกันด่านหน้าของร่างกายกันให้กระจ่าง huaysodplus สรุปง่าย ๆ กลไกของร่างกายมหัศจรรย์กว่าที่คิดมากเลยทีเดียว

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค
ภูมิคุ้มกันในร่างกาย

เชื้อโรค

มนุษย์เราต้องต่อสู้กับอะไรมากมายไม่ว่าจะกับมนุษย์ด้วยกันเอง สัตว์ร้าย ไข้หวัดต่าง ๆ แต่สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดกลับเป็นสิ่งที่เล็กที่สุดอย่างเชื้อโรค ที่ฆ่าชีวิตเราไปมากกว่าสงครามโลกหลายสิบเท่า เชื้อโรคอยู่คู่กับเรามานาน แฝงอยู่ทุที่รอบตัว เป้าของพวกมันคือ บุกยึดร่างกายเรา ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ร่างกายของเราจึงสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อคอยต่อสู้กับเชื้อโรคร้าย

ด่านแรกก่อนที่เชื้อโรคจะเข้ามาสู่ร่างกายของเรา มันจะต้องเจอกับผิวหนัง เยื่อเมือก รวมถึงขนของเราก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะคอยดักจับเชื้อโรคที่จะคอยเข้ามา แต่เมื่อไหร่ที่เชื้อโรคสามารถบุกเข้ามาในร่างกายได้ เมื่อนั้นกองทัพภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราก็จะออกมาคอยเป็นป้อมปราการ รวมถึงคอยสู้รบกับเหล่าเชื้อโรคให้

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค
การทำงานของร่างกาย

ภูมิคุ้มกัน

โดยเหล่าทัพทหารภูมิคุ้มกันของเรา แบ่งเป็นกองทัพแถวหน้า และกองทัพพิเศษ โดยทัพทหารแถวหน้าจะทำหน้าที่เหมือนยาม เมื่อเห็นเชื้อโรคก็จะรีบเข้ามาจัดการทันที แต่หากเจอกับเชื้อโรคที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมากเกิน เหล่าภูมิคุ้มกันแถวหน้าก็จะเรียกกองทัพพิเศษมาช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคทันที

ในระหว่างที่ระบบภูมิคุ้มกันกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่นั้น ร่างกายเราก็จะหั่งสารต่าง ๆ มากมาย จึงอาจทำให้เรารู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดตัว ตัวร้อน มีน้ำมูก โดยการต่อสู้ของระบบภูมิคุ้มกันนี้ หากเจอเชื้อโรคที่เป็นเชื้อโรคใหม่ที่ระบบภูมิคุ้มกัน.ในร่างกายไม่เคยเจอ ก็อาจกินเวลาหลายวัน แต่หากเชื้อโรคเดิมกลับมาอีกครั้ง เหล่ากองทัพภูมิคุ้มกันก็จะจดจับจุดอ่อนของเชื้อโรคไว้ เพื่อให้จัดการกับเชื้อโรคได้เร็วขึ้น

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค
เชื้อโรค เชื้อไวรัส

เลเวลของเชื้อโรค

เชื้อโรคบางตัวอาจมีความอันตรายมากกว่าตัวอื่น ๆ เชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไวรัสที่ทำลายร่างกายเราได้มากกว่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสทั่วไป เพราะร่างกายของมันมีหนามยืดออกมารอบตัว ซึ่งหนามพวกนี้เปรียบได้กับกุญแจ ที่สามารถจับกับประตูเซลล์ของเรา ได้อย่างแน่นหนากว่าเชื้อตัวอื่น และแอบเข้าไปในเซลล์ของเราได้ เราจึงเกิดการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

นักวิจัยพบว่าบางคนที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการก็เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดี โดยเหล่าทัพภูมิคุ้มกันแถวหน้าจะเข้ามาต่อสู้ กำจัดเชื้อพวกนี้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเตรียมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงก็ทำให้ร่างกายได้รับมือกับเชื้อร้ายได้ดี

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค
ร่างกายจดจำเชื้อโรค เพื่อจำจุดอ่อน และกำจัดเชื้อได้รวดเร็วขึ้น

เสริมภูมิคุ้มกัน

ซึ่งวิธีเสริมภูมิคุ้มกันก็สามารถเสริมได้ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ อย่างพวกวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่จากอาหารเสริมอย่างเดียว ไม่ว่าจะปลาทูน่า ผัก ผลไม้ต่าง ๆ ก็ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน อย่างแร่ธาตุเซเรเนียมนั้น จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนทัพภูมิคุ้มกันแถวหน้าได้มากขึ้น ทำให้จัดการกับเชื้อโรค ได้มีประสิทธิภาพ มากขึ้นนั่นเอง รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน VS เชื้อโรค

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
8 FacebookTwitterPinterestEmail
แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้ lottosod แบคทีเรียแบ่งออกเป็นกี่ชนิด ในเมื่อแบคทีเรียมาอาศัยอยู่ในร่างกายเราแล้ว มันทำหน้าที่อะไรบ้าง มีแบคทีเรียชนิดไหนอยู่แล้วจึงจะสุขภาพดี และสามารถเสริมประสิทธิภาพของพวกเหล่าแบคทีเรียดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร วันนี้ lottosod พาเก็บทุกข้อมูลแบบเข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้
โพรไบโอติก

แบคทีเรีย

หากนำจำนวนแบคทีเรียทั้งหมดที่อยู่ในร่างกายของคนหนึ่งคนออกมาชั่ง พวกมันจะมีน้ำหนักทั้งหมดถึง 2 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่ แบคทีเรีย ในร่างกายไม่ได้ร้าย หรือ ส่งผลเสียต่อร่างกายเราเสมอไป แบคทีเรียนั้นจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ แบคทีเรียดี แบคทีเรียร้าย และแบคทีเรียกลุ่มที่ไม่ค่อยมีประโยชน์

แบคทีเรียกลุ่มดี : โพรไบโอติก

แบคทีเรียกลุ่มร้าย : เชื้อโรค

แบคทีเรียกลุ่มที่ไม่มีประโยชน์ : แต่ก็ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

แบคทีเรียเหล่านี้ อาศัยอยู่ในร่างกายเรามาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะสร้างถิ่นฐานตัวเองอยู่ในร่างกายของเรา เพื่อต่อสู้กัน และค่อย ๆ ขยายอณาเขตกลุ่มตนเองไปเรื่อย ๆ นักวิจัยพบว่า คนที่มีสัดส่วนของแบคทีเรียกลุ่มดีเยอะ ก็จะมีสุขภาพร่างกายที่ดีตามไปด้วย เนื่องด้วยพวกแบคทีเรียดี หรือ โพรไบโอติก เหล่านี้จะช่วยในการทำงานของลำไส้ ช่วยย่อยไฟเบอร์ ช่วยดูดซึมสารอาหารในร่างกาย และเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ดีขึ้น

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้
แหล่งอาหารของโพรไบโอติก

วิธีเพิ่มแบคทีเรียดี หรือโพรไบโอติก

เราสามารถเพิ่มโพรไบโอติก โดยการเลือกทานอาหารที่มีพวกโพรไบโอติก อย่างเช่นพวก นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ ข้าวหมาก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน ก็จะมีเครื่องหมากบอกไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์ว่าผลิตภัณฑ์นี้มีโพรไบโอติกอยู่นั่นเอง

ยาปฏิชีวนะ

ปัจจุบันก็มีการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อที่มากจนเกิดไป เช่นการใช้ยาในสัตว์ และเรานำสัตว์นั้น ๆ มาบริโภคต่อ หรือแม้แต่การซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง โดยไม่ได้มีการควบคุมปริมาณยาจากทางแพทย์ หรือเภสัชกร

ซึ่งยาปฏิชีวนะนี้จะเข้าไปทำลายแบคทีเรียทุกกลุ่มให้ตายไป ทำให้โพรไบโอติกของเราตายไปด้วย แต่แบคทีเรียกลุ่มร้ายบางชนิด สามารถปรับตัวให้เข้ากับยาฆ่าเชื้อเหล่านี้ และพัฒนาตัวเองเป็นแบคทีเรียที่แข็งแกร่ง ทนทานมากขึ้นกว่าเดิม จนผันตัวเองเป็นเชื้อดื้อยา

นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามคิดค้นยา เพื่อมาฆ่าเชื้อเหล่านี้ แต่เชื้อดื้อยานี้ก็ยังคงพัฒนาตนเองให้ทนต่อยาใหม่ ๆ นี้ได้ดียิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มียาไหนมาทำลายเชื้อโรคนี้ได้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ คาดว่าอีก 30 ปี ก็จะมีคนตายจากเชื้อโรคที่พัฒนาตนเองได้ดีไปกว่า 10 ล้านคนเลยทีเดียว

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้
ยาปฏิชีวนะ

โพรไบโอติ พรีไบโอติก

ทั่วโลกยังคงไม่สามารถค้นหาวิธีเอาชนะพวกเชื้อโรคนี้ได้ แต่เราสามารถปรับพฤติกรรมการกินอาหารของเราได้ โดยกินอาหารที่มีโพรไบโอติก เพื่อให้มันช่วยชะลอการขยายพันธ์ของเชื้อร้าย รวมถึงยังต้องเพิ่มพลังสารอาหารให้โพรไบโอติกของเราด้วย โดยให้กินอาหารพรีไบโอติก ที่พบมากในผัก และผลไม้นั่นเอง เมื่อโพรไบโอติก รวมกับพรีไบโอติกก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อไปช่วยทำลายเชื้อโรคร้าย รวมทั้งใช้ยาปฏิชีวนะเท่าที่จำเป็นด้วยนะคะ

แบคทีเรียในร่างกาย ทำหน้าที่อะไร ทำไมร่ายกายถึงขาดไม่ได้

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
8 FacebookTwitterPinterestEmail
ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี

ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี lottosod ทำความรู้จักกับจุลินทรีย์ดี เริ่มต้นทำความเข้าใจไปด้วยกันตั้งแต่ขั้นตอนการถูกค้นพบของจุลินทรีย์ดี การวิจัยว่าจุลินทรีย์ดีมีประโยชน์ต่อลำไส้ และระบบภูมิคุ้มกัน จุลินทรีย์ดีทำงานอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะมีจุลินทรีย์ดีเพื่อสุขภาพที่ดี วันนี้ เว็บหวยสด หาคำตอบมาให้แล้ว

ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี

ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี
ทำการทดลอง มีวิจัยรองรับ

จุลินทรีย์ดี

ในปี ค.ศ. 1988 มีการระบุว่า หญิงสาวคนหนึ่งมีอาการท้องเสียหนักมาก เธอจึงตัดสินใจเข้าไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการท้องเสีย แต่ไม่ว่าหมอจะรักษาด้วยวิธีการไหน อาการก็ไม่ดีขึ้น เธอท้องเสียหนัก จนร่างกายไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว หมอคนหนึ่งก็ได้มีความคิดขึ้นมา โดยนำอุจจาระของคนสุขภาพดี ใส่ไปในลำไส้ของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน อาการของเธอก็ดีขึ้น จนหายเป็นปกติ

ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์เลยสนใจทำการทดลอง แล้วค้นพบว่า อุจจาระของคนสุขภาพดี มีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่าจุลินทรีย์ดี ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา เมื่อเราขับถ่ายออก จุลินทรีย์ดีก็หลุดออกมากับอุจจาระ ซึ่งมีการวิจัยและการศึกษามามากมายว่า จุลินทรีย์บางชนิดมีประโยชน์กับร่างกายเราอย่างมาก

โดยจุดกำเนิดของจุลินทรีย์นั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่เรายังเป็นทารกในท้องแม่ ช่วงแรกนั้นเรายังมีจุลินทรีย์น้อยมาก เมื่อคลอดออกมาจุลินทรีย์จากแม่ก็จะเข้ามาอยู่ในลำไส้เราหลายชนิดจากนมแม่นั่นเอง และจุลินทรีย์ก็ได้สารอาหารจากนมนั้นมา เพื่อเลี้ยงตัวจุลินทรีย์ให้แข็งแรงด้วย แต่เมื่อเราค่อย ๆ เติบโตขึ้น เราก็กินนมแม่น้อยลง จุลินทรีย์ดีบางกลุ่มจึงค่อย ๆ หายไป

ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี
จุลินทรีย์ดี

จุลินทรีย์ที่ทนต่อกรดในกระเพาะ

เราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไป เพื่อเติมจุลินทรีย์ดีเข้าไปในลำไส้ และปัจจุบันก็ได้มีทั้งอาหารเสริม พรีไบโอติก และอื่น ๆ มากมาย มาเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ เพื่อให้จุลินทรีย์มีอาหารเพื่อไปต่อสู้กับเชื้อโรคต่อนั่นเอง แต่การกินอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีนั้น จุลินทรีย์ก็อาจโดนน้ำย่อยของเราทำลายไปเสียก่อน ฉะนั้นการกินอาหารที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ดีนั้นก็อาจไม่ได้จุลินทรีย์ในปริมาณที่เหมาะสมพอ

เพื่อให้ได้จุลินทรีย์ที่ถึก และทนต่อน้ำย่อยในกระเพาะของเรา นักวิทยาศาสตร์จึงทำการทดลอง และนำจุลินทรีย์ดีจากเด็ดแรกเกิดออกมา และทำการพัฒนา เพาะพันธุ์ เป็นเชื้อแบคทีเรียดีให้มีแข็งแกร่งขึ้น ทนต่อน้ำย่อยในกระเพาะของเรา จนได้เป็นจุลินทรีย์ดีอย่างเช่น แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ สายพันธุ์ชิโรต้า ที่ค้นพบว่าสามารถทนต่อความเป็นกรดในลำไส้ที่อย่างดี จุลินทรีย์ที่พัฒนาแล้วนี้ จะลงมาเกาะตามผนังลำไส้ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว และช่วยแย่งอาหาร ต่อสู้กับเชื้อโรคในลำไส้ได้ดี

ประโยชน์จุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี
จุลินทรีย์ถึก ทน ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน และลำไส้

ลำไส้ และ ระบบภูมิคุ้มกัน

ลำไส้ของเราถือเป็นที่พักพิงของระบบภูมิคุ้มกันถึง 70% จุลินทรีย์ดีจะช่วยเสริมกำลังของระบบภูมิคุ้มกัน จากงานวิจับพบว่า จุลินทรีย์จะช่วยเสริมพวกระบบภูมิคุ้มกันแถวหน้า หรือที่เรียกว่า NK Cell ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็ง ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าจุลินทรีย์ดีช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน และลำไส้ของเราแข็งแรงได้ดีเลยทีเดียว

ประโยชน์ของจุลินทรีย์ ทำความรู้จักกับแบคทีเรียดีในร่างกาย เคล็ดไม่ลับของการมีสุขภาพที่ดี

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
10 FacebookTwitterPinterestEmail
อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร ปัจจุบัน เรียกได้ว่าโรคซึมเศร้าเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น แต่บางคนก็ยังไม่รู้ว่าอาการแบบไหนถึงเข้าข่ายโรคซึมเศร้า แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้หลาย ๆ คนประสบปัญหาต่าง ๆ มากมายมาย ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน สังคม ครอบครัว จนเกิดเป็นอาการเครียดสะสม แล้ว 2 อาการนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ huaysod เราจะชวนมาลองวิเคราะห์แยกอาการให้เพื่อน ๆ lottosod ได้ทราบ และแบ่งความแตกต่างนี้ให้ออกมากยิ่งขึ้น

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร
โรคซึมเศร้า VS โรคเครียด

อาการแบบไหนกันที่จะถือว่าเป็นโรคซึมเศร้า ช่วงนี้เศร้า หดหู่ ไม่มีความสุขเลย อาการแบบนี้เข้าข่ายโรคซึมเศร้าแล้วหรือยัง หรือเป็นอาการกังวล เครียดสะสมเท่านั้น การที่เราแยกอาการได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะ 2 อาการนี้มีความรุนแรง และการรักษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการปฏิบัติตัวของคนรอบข้างด้วย

อาการเครียดสะสม

ความเครียดนั้น ร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา เพื่อให้เราตื่นตัว และสามารถเอาตัวรอดจากอุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ ไปได้ แต่ด้วยปัจจุบัน เราไม่สามารถจัดการปัญหาได้เสมอไป อาจด้วยเพราะ สถานะทางสังคม ตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือแม้แต่จากการคาดหวังของคนรอบข้างก็ตาม ทำให้ความเครียดนี้ยังคงถูกเก็บไว้ เมื่อเครียดขึ้น ร่างกายก็ผลิตฮอร์โมนความเครียดอยู่ตลอด จนสงผลเสียต่อร่างกาย

จุดสังเกตอาการเครียด

ชี้วัดได้ชัดเจนว่าเราเครียดเรื่องอะไร และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ เมื่อเราแก้สาเหตุความเครียดนั้น ๆ ได้ ภาวะความคิด จิตใจ และร่างกาย ก็จะกลับมาปกติ

การรักษา

หากิจกรรมผ่อนคลาย รีแล็กซ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ หรือหากเป็นหนักก็สามารถปรึกษาแพทย์ ให้หมอจ่ายยา เพื่อให้ตรงกับอาการที่เป็นอยู่ได้นะคะ

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร
ปรึกษาแพทย์ได้ทุกอาการเพื่อให้จ่ายยาได้ตามความเหมาะสมของอาการ

อาการซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสอง ที่ทำให้เรามีอาการเศร้าเรื้อรัง จนทำให้สมองเศร้าไปด้วย ซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นนี้อาจเกิดเกือบตลอดเวลาระยะเวลา 2 อาทิตย์ขึ้นไปเลยทีเดียว ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าสาเหตุที่ทำให้เศร้านั้นคืออะไร อาการซึมเศร้านั้น จึงส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตประจำวันเลยทีเดียว

จุดสังเกตอาการเครียด

รู้สึกเศร้า เบื่อตัวเอง รวมถึงคนรอบข้าง รู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่ อะไรที่เคยทำแล้วมีความสุข ตอนนี้ไม่มีความสุขแล้ว หรือกระวนกระวาย อยู่ไม่สุข หรือมีอาการเชื่องช้า คิดถึงความตาย ไม่มีแรง ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกิน รู้สึกไร้ค่า

การรักษา

ต้องเข้าใจก่อนว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ห้ามไม่ได้ เกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อใช้ยาในการปรับสารเคมีในสมองให้สมดุล อาการเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องอยู่ในกระบวนการ เพื่อให้ได้ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง หรือเพื่อน ๆ สามารถโทรปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่เบอร์ 1323 ได้นะคะ

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร
โทรปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่เบอร์ 1323

อาการโรคซึมเศร้า VS โรคเครียดสะสม แตกต่างกันอย่างไร

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
8 FacebookTwitterPinterestEmail
อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่ อาการปวดหัวเป็นอาการเบสิค ๆ ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ในวันนี้ เว็บหวยสด เราจะมาพูดถึงอาการปวดหัว ไมเกรน และอาการปวดหัวเพราะเครียด ไม่นับรวมกับการปวดหัวเป็นไข้นะ วันนี้ หวยสด มาลองดูสาเหตุ ความแตกต่างระหว่างสองอาการนี้กัน

อาการปวดหัวไมเกรน ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่
อาการปวดหัว ไมเกรน VS เครียด

ปัจจุบันไม่ว่าจะหน้าที่การงาน ระบบเศรษฐกิจ การเมือง ต่าง ๆ ก็ทำให้เรามีความเครียดสะสมจากผลกระทบต่าง ๆ ซึ่งทำให้เราเกิดความเครียดขึ้น บางคนเป็นไมเกรนจากผลกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วอาการปวดหัวตุ้บ ๆ ที่เกิดขึ้น มันเป็นอาการของอะไร วันนี้ เว็บหวยสด พามาแยกความแตกต่างให้เพื่อน ๆ ได้ลองคิดตามกัน จะได้มาหาวิธีแก้อาการกันถูกนะคะ

อาการปวดหัว ไมเกรน

จริง ๆ แล้วอาการปวดหัว ไมเกรนนั้นมีหลายสาเหตุมาก ๆ จนปัจจุบันก็ยังหาตัวต้นตอได้แบบไม่ชัดเจนนัก แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเกิดจาก สารเคมีในสมองไม่สมดุล ทำให้หลอดเลือดไวต่อสิ่งที่มากระตุ้น

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่
พักผ่อนให้เพียงพอ

ลักษณะอาการ

ลักษณะของอาการปวดไมเกรนนั้น จะปวดตุ้บ ๆ คล้ายจังหวะการเต้นของหัวใจ บางทีมีการปวดบีบแรง เบา เป็นพัก ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะปวดเพียงข้างเดียว โดยบริเวณที่ปวดนั้นจะปวดบริเวณขมับ และเบ้าตา โดยมักจะมีอาการเตือนอย่างเห็ยแสงวูบ ตาพร่า

สิ่งกระตุ้นอาการ

ซึ่งอย่างที่บอกว่าสาเหตุการเกิดอาการแบบนี้มีหลายสาเหตุมาก ไม่ว่าจะเจอแสงแล้วมีอาการปวด หรือบางคนทำงานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ๆ บางคนก็ไวต่ออุณหภูมิ เจออากาศร้อน ๆ แล้วเกิดอาการขึ้น หรือแม้กระทั่งการนอนไม่พอ ไวต่ออาหารบางชนิด เช่น เนย ไวน์ ช็อกโกแลต ชีส เป็นต้น

วิธีป้องกัน รักษา

หลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะกระตุ้นอาการปวด ซึ่งเพื่อน ๆ จะต้องสังเกตุอาการของตัวเองก่อน ว่าที่มีอาการไมเกรนแบบนี้ส่วนใหญ่แล้วเราไปเจออะไรมา นั่งทำงานหน้าคอมนานเกินไปหรือไม่ เพราะอาจแพ้แสงจากจอคอม ก็ให้หาแว่นกันแสงสีฟ้า หรือยาดมลูกกลิ้งแก้อาการไมเกรนสมัยนี้ก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ หากปวดมากจนทนไม่ไหว ให้ทานยาแก้ไมเกรนดู รับรองว่าไม่ต้องมรมรมานนานแน่นอน

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่
บริเวณที่ปวดหัว

อาการปวดหัวจากความเครียด

ความเครียดก็มีสาเหตุมาจากร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา เพื่อหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่หากปล่อยความเครียดไว้นานก็ร่างกายจะจะหลังสารคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดไว้นานขึ้นจนทำให้ระบบฮอร์โมนรวนจนเกิดผลเสียต่อร่างกายไม่ว่าจะเครียดสะสม ส่งผลต่อการตัดสินใจ หรือถึงขั้นโรคซึมเศร้า

ลักษณะอาการ

ลักษณะอาการปวดหัวเพราะเครียดนั้น มาจากร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็ง ตึง ไม่ว่าจะคอ บ่าไหล่ หรือขมับ อาการปวดนี้จะมาในรูปแบบปวดตึง ๆ เหมือนมีอะไรมารัดหัวนั่นเอง

สิ่งกระตุ้นอาการ

สิ่งกระตุ้นต่ออาการปวดหัวเพราะเครียด นอกจากจะมาจากความกดดัน หน้าที่ความรับผิดชอบแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ นั่งผิดท่า หรือแม้แต่กินข้าวผิดเวลาก็เกิดอาการเหล่านี้ได้

วิธีป้องกัน รักษา

หมั่นออกกำลังกาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ปล่อยอารมณ์ออก พักผ่อนให้เพียพอ ปล่อยวางเรื่องเครียด ๆ จัดระบบชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น แต่หากอาการหนักก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์จะดีกว่า อาการแบบนี้ก็มียาแก้เพื่อบรรเทาอาการเช่นกันนะ

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่
ปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่ถูกต้อง

อาการปวดหัวไมเกรน มีอาการอย่างไร ไมเกรน VS เครียด มีอาการเหมือนกันหรือไม่

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
10 FacebookTwitterPinterestEmail
เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ

เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ ความเครียด เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ทุกคนคิด เพราะลงลึกถึงความรู้สึก สูญเสียความนึกคิด ความตระหนักในบางจุดไปชั่วขณะ วันนี้ huaysod ชวนมาทำความเข้าใจกับฮอร์โมนความเครียดตัวนี้กันให้มากขึ้น ว่ามีกระบวนการทำงานอย่างไร และสามารถหาวิธีคลายเครียดแบบไหนมาขจัดอารมณ์เหล่านี้ออกไปได้บ้าง

เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ

เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ
ความเครียด

ความเครียด

ความเครียดเป็นเรื่องของอารมณ์ที่มักจะห้ามไม่ได้ เมื่อในชีวิตประจำวันเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ มากมาย และเมื่อปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นเริ่มรุกรามเข้ามาในจิตใจ ก็จะส่งผลต่อสภาวะสมดุลของร่างกาย และจิตใจของเราเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหลับก็ตาม

เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ
หาวิธีผ่อนคลาย

ผลของความเครียด

เมื่อเราเกิดอาการเครียด ร่างกายจะเกิดกระบวนการตามธรรมชาติ เพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกว่าจะต้องเตรียมสู้ศึกให้ไว โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล มาแทนแทนฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้ร่างกายของเรามีอาการตื่นตัว ความดันสูง หัวใจเต้นเร็ว หรือแม้แต่กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็ง หากเราผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้ อาการเหล่านี้ก็จะหายไป

แต่หากเราเครียดหนัก ๆ ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาเป็นเวลานาน จนทำให้ฮอร์โมนอื่น ๆ ในร่างกายปั่นป่วนจนถึงขนาดที่จะสร้างผลกระทบให้กับร่างกายได้ เช่น ปวดหลัง เจ็บหน้าอก ปวดหัว หรือแม้แต่หลอดเลือดอักเสบเลยทีเดียว

นอกจากนี้ฮอร์โมน คอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดที่หลั่งมานั้นยังส่งผลต่อสมอง ในส่วนระบบการคิด วิเคราะห์ของเราเองด้วย ไม่ว่าจะการควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจเอง เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อจิตใจเป็นอย่างมาก จนอาจเกิดเป็นโรคซึมเศร้า การตัดสินใจชั่ววูบ หรือสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลยก็ได้

เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ
หากิจกรรมผ่อนคลาย

วิธีคลายเครียด

คลายความเครียดระดับที่ 1

  • หยุดกิจกรรมทุกอย่าง สูดหายใจเข้าลึก ๆ
  • สูดดมอะไรหอม ๆ เช่น ดมยาดม 10 ครั้ง หรือเปิดเครื่องพ่นน้ำหอมในห้อง
  • เคี้ยวหมากฝรั่ง

คลายความเครียดระดับที่ 2

  • ทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ
  • นอนงีบ 20 นาที

คลายความเครียดระดับที่ 3

  • คุยกับเพื่อน ระบายปัญหาที่เจอ
  • พักทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ดูหนัง
เครียดสะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ
รู้จักกับฮอร์โมน คอร์ติซอล ฮอร์โมนแห่งความเครียด

เครียด สะสม มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีคลายเครียดแบบธรรมชาติ อย่างที่เพื่อน ๆ หวยสดพลัส ทุกคนคงทราบกันดี ความเครียดส่งผลกระทบกับความรู้สึกมากกว่าที่ทุกคนคิดไว้ จะรับมือกับปัญหาอย่างไร ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แต่ระหว่างทางนั้นจะต้องหาวิธีไหนว่าจัดการ หากใช้ระยะเวลากับความเครียดนานเกินไปก็ควรพักระหว่างทาง ซึ่งวิธีการช่วยคลายเครียดก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ให้เวลาซักพักมันจะดีขึ้นเองนะคะ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
9 FacebookTwitterPinterestEmail
เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไร ในยุคที่ต้องป้องกันร่างกายให้อยู่รอดในทุก ๆ ซีซั่นแบบนี้ จะทำอย่างไรให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อต่อสู้กับโรคภัยต่าง ๆ วันนี้ lottosod เลขนำข้อมูลเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ภูมิคุ้มกัน สรุป มาให้เพื่อน ๆ หวยสด ลองทำความเข้าใจกันแบบง่าย ๆ

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ
รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ

ภูมิคุ้มกัน

ภูมิคุ้มกัน เป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย โดยจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำหน้าที่เป็นเสมือนอัศวินผู้พิทักษ์ ที่ไหลเวียนอยู่ในเลือด และอวัยวะต่าง ๆ

เกิดอะไรขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง เกิดได้หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความเครียดสะสม หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพเม็ดเลือกขาวลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ผ่านด่านเม็ดเลือดขาวมาได้ จนทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ หรือป่วยง่ายนั่นเอง

วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกัน

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ
เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ

ลดความเครียด

เมื่อมีความเครียด ฮอร์โมนความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ

จากานวิจัยชี้ให้เห็นว่า คนที่นอนเพียง 4 ชม. กับคนที่นอน 7 ชม. นั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนที่นอนเพียง 7 ชม. นั้น มีเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันมากกว่าถึง 50% เลยทีเดียว

ดื่มน้ำให้มาก

น้ำนอกจากจะมีช่วยให้ผิวพรรณดีแล้ว ยังทำให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น และเพิ่มสารคัดหลั่งได้ ซึ่งจะช่วยดักจับฝุ่นละออง และป้องกันเชื้อโรค ที่จะเข้าสู่ร่างกายได้

เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย แบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ
ดูแลร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กินอาหารให้ครบ 5 หมู่

การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะพวกผัก และผลไม้ต่าง ๆ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ดี เพราะในผัก ผลไม้มีวิตามินหลายชนิด หรือสามารถกินควบคู่กับอาหารเสริมยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่น วิตามิน C และ ซิงค์หากกินคู่กันจะช่วยดูดซึมได้ดีขึ้นถึง 67%

กินแบคทีเรียดี

แบคทีเรียดี หรือ จุลินทรีย์ โพรไปโอติก จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น พวกแบคทีเรียดีบางชนิด อย่างเช่น LGG สามารถเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้

เพิ่มภูมิคุ้มกัน ร่างกายแบบธรรมชาติ รู้จักภูมิคุ้มกันในร่างกายฉบับง่ายๆ การมีร่างกายที่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก หันมาใส่ใจสุขภาพกาย และสุขภาพจิตกันให้มากขึ้น หาเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนจากงาน จากเรื่องเครียด ๆ บ้าง นอกจากนี้ลองเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีเลยล่ะค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
2 FacebookTwitterPinterestEmail
สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง lottosod อาการปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อาการปวดเหล่านี้มักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรา การนั่งนาน ยกของผิดท่า ยืนนาน หรือแม้แต่การใส่ส้นสูง สะพายกระเป๋า หรือแม้แต่การนั่งเล่นมือถือ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดหลังในจุดต่าง ๆ เช่นกัน วันนี้เว็บหวยสด จะมาแนะวิธีแก้ พร้อมชี้จุดว่าการปวดจุดนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อให้เพื่อน ๆ lottosod ลองไปทำตาม และสังเกตุพฤติกรรมตัวเองกันดู

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง
ปวดหลังช่วงบน ช่วงต้นคอ แนวสะบัก เอว

วัยรุ่นปวดหลัง คำนี้ไม่ได้ได้มาเล่น ๆ อาการปวดหลังจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรานี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เพราะบางคนปวดจนนอนไม่ได้ก็มี แม้จะยังอายุไม่ขึ้นเลข 3 ก็ตาม วันนี้มาลองดูพฤติกรรมของตัวเราเองกัน เพราะอะไรถึงปวดหลังในจุดนี้ แล้วควรแก้ไขอย่างไรบ้าง ลองทำตามไปพร้อม ๆ กันเลย

บริเวณแผ่นหลังของเรามีเส้นประสาทต่าง ๆ มากมายที่ช่วยยึดกับกระดูกสันหลัง เรียกได้ว่ามีตั้งแต่ช่วงคอจนถึงเชิงกรานเลย ซึ่งกล้ามเนื้อก็มีทั้งมัดเล็ก มัดใหญ่คอยซัพพอร์ตหน้าที่ต่าง ๆ เวลาเราขยับร่างกายให้ตั้งตรง และถ้าแกนกางไม่ตรงการเคลื่อนไหวร่างกายเราก็จะไม่บาลานซ์ บางคนสะพายกระเป๋าข้างเดียว เขียนหนังสือข้างเดียวก็ต้องเก็งเป็นธรรมดา นั่นจึงทำให้ไหล่ข้างที่ใช้งานหนักตึงขึ้นมา จนอาจร้าวไปถึงคอ

แน่นอนว่าอาการปวดต่าง ๆ เหล่านี้ก็มาจากการใช้ชีวิตประจำวันของเรานี่เอง แล้วอาการปวดหลังในส่วนต่าง ๆ นั้นมาจากสาเหตุอะไร มีวิธีการแก้อย่างไร มาดูกัน

ปวดหลังช่วงบน : ช่วงต้นคอ – แนวสะบัก – เอว

อาการปวดแถวช่วงคอจนถึงแนวสะบักนั้น อาจเกิดจากการนั่งแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า เหมือนกับเวลาเล่นคอม แล้วท้าวแขนกันโต๊ะไว้ เพื่อน ๆ บางคนอาจโน้มไปข้างหน้าเยอะแบบไม่รู้ตัว นี่จึงเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อช่วงต้นคอ ไหล่ดึงรั้งไปข้างหน้า กล้ามเนื้อหดเกร็ง และมีอาการปวดขึ้นมาได้ ซึ่งสาเหตุอาการปวดนี้ ไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียว อาจมาจากอีกหลายสาเหตุ เช่น สะพายกระเป๋าหนักนาน ๆ ก้มเล่นมือถือ และนั่นอาจส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพของเราด้วย ไม่ว่าจะหลังค่อม ไหล่ห่อ คอยื่น

วิธีแก้ : ลองปรับพฤติกรรมเช่น เปลี่ยนกระเป๋าสะพาย เป็นกระเป๋าถือ หรือสลับสะพายกระเป๋าให้บาลานซ์ทั้งซ้ายและขวา ไม่ใส่ของหนักเกิน หากเล่นมือถือ ก็ถือตั้งไว้ระดับสายตา

หรือหากต้องการยืดเหยียดแก้อาการปวดหลังส่วนบนก็ให้ลองเหยียดแขนออกไปข้างหน้า ค้างไว้ 10 – 30 วินาที

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง
ปวดหลังช่วงกลาง ช่วงสะบักซ้าย ขวา เอว

ปวดหลังช่วงกลาง : ช่วงสะบักซ้าย ขวา – เอว

อาการปวดหลังช่วงกลางนั้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากการยกของผิดท่า ก้มยกของหนัก ทำให้ช่วงเอวรับน้ำหนักมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการนอนนาน ๆ ที่นอนนุ่มเกินไป ก็ทำให้สรีระร่างกายในการนอนผิดไป เกิดการโค้ง แอ่นของหลังเป็นเวลานาน

วิธีแก้ : หากยกของหนัก ให้นั่งยองก้มลงไปก่อน แล้วค่อยใช้กำลังของขาช่วยยกขึ้นมา ส่วนเรื่องการนอนหากเปลี่ยนที่นอนได้จะดีมาก หรือหากไม่ได้ ให้ลองหาหมอน หรือใช้ผ้าปูอีกชั้นแล้วนอน

หากต้องการยืดเหยียด ให้ใช้มือขวาแตะท้ายทอย งอตัวลงเล็กน้อย แล้วค้างด้านซ้าย 10 -30 วินาที จากนั้นสลับข้างต่อ

ปวดหลังช่วงล่าง : ช่วงเอว – เชิงกราน

อาการปวดหลังช่วงล่างมีหลายสาเหตุมาก ส่วนใหญ่ที่เจอมักจะเกิดจากการนั่งนาน ๆ บางคนนั่งแล้วท้าวแขนไปข้างใดข้างหนึ่งทำให้เกิดอาการเก็ง ยึด หรือกระดูกสันหลังเอียงเลยก็มี ยิ่งอาการปวดนั้นบอกเลยว่าทรมานมาก จนถึงขั้นที่ปวดจนนอนไม่ได้เลยก็มี

การยืนนาน ๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนหลังมาก และเกร็งตลอดเวลา ยิ่งสาว ๆ ที่ใส่ส้นสูงด้วยแล้วละก็กระดูกสันหลังช่วงเอวจะยิ่งแอ่นไปทางด้านหลัง เพื่อประคองตัวไม่ให้ล้มไปข้างหน้านั่นเอง

วิธีแก้ : ควรเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกเดินบ้าง ไม่ควรนั่งนาน หากอาการปวดนั้นมีอาการปวดร้าวไปถึงแขน หรือบางคนร้าวลงขา ลองไปหาหมอดูกันก่อน เพราะอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ถือเป็นอาการที่อันตรายมาก ๆ

การยืดเหยียดแก้อาการปวดหลังส่วนล่าง ให้นอนหงายสอดมือใต้เข่า ดันขาทั้งสองข้างเข้ามาหาตัว แล้วค้างไว้ 10 วินาที

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง
ปวดหลังช่วงล่าง ช่วงเอว เชิงกราน

สาเหตุอาการปวดหลัง ปวดจุดนี้แก้อย่างไร ชี้พฤติกรรมหาสาเหตุวัยรุ่นปวดหลัง

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
4 FacebookTwitterPinterestEmail
เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช เว็บหวยสด กินเจดีต่อสุขภาพ ช่วยในการดีท็อกซ์ และลดหน้าท้องได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้บุญอีกด้วย แต่ยิ่งกินนาน ยิ่งอาจส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ เพราะร่างกายได้สารอาหารไม่ครบ วันนี้ huaysodplus ลองเลือกทานสารอาหารทดแทนโปรตีนกันบ้าง ในช่วงงดเนื้อสัตว์นี้จะได้ไม่รู้สึกขาดอะไรไป แถมยังอิ่มท้องอีกด้วย

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช
ผักปวยเล้ง

หมวดผัก และ ผลไม้

ผักปวยเล้ง ในปริมาณ 100 กรัม

ผักปวยเล้ง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 23 kcal

โปรตีน : 3 กรัม

ไฟเบอร์ : 2 กรัม

ประโยชน์ : มีวิตามิน A เป็นส่วนประกอบ ช่วยในการบำรุงสายตา

ฝรั่ง ในปริมาณ 100 กรัม

ฝรั่ง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 68 kcal

โปรตีน : 3 กรัม

ไฟเบอร์ : 5 กรัม

ประโยชน์ : มีวิตามิน C เป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยในการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

บรอคโคลี ในปริมาณ 100 กรัม

บรอคโคลี ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 35 kcal

โปรตีน : 2 กรัม

ไฟเบอร์ : 3 กรัม

ประโยชน์ : มีซัลโฟราเฟน ที่ช่วยในการป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ และขจัดสารพิษ

อาโวคาโด ในปริมาณ 100 กรัม

อาโวคาโด ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 160 kcal

โปรตีน : 2 กรัม

ไฟเบอร์ : 7 กรัม

ประโยชน์ : อุดมไปด้วยไขมันดี ที่ช่วยขจัดไขมันเลว ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช
ธัญพืชโปรตีนสูง

หมวดธัญพืช

งาขาว ในปริมาณ 100 กรัม

งาขาว ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 697 kcal

โปรตีน : 26 กรัม

ไฟเบอร์ : 4 กรัม

ประโยชน์ : มีเซซามิน เป็นส่วนประกอบ ช่วยในการลดคอเลสเตอรอล

คีนัว ในปริมาณ 100 กรัม

คีนัว ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 120 kcal

โปรตีน : 4 กรัม

ไฟเบอร์ : 3 กรัม

ประโยชน์ : มีสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

เม็ดบัว ในปริมาณ 100 กรัม

เม็ดบัว ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 332 kcal

โปรตีน : 15 กรัม

ไฟเบอร์ : 1 กรัม

ประโยชน์ : มีวิตามิน B6 ช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทของสมอง

เมล็ดทานตะวัน ในปริมาณ 100 กรัม

เมล็ดทานตะวัน ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 582 kcal

โปรตีน : 19 กรัม

ไฟเบอร์ : 11 กรัม

ประโยชน์ : มีวิตามิน E เป็นส่วนประกอบ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช
กินเจ กินอะไรได้บ้าง

เมนูเจ โปรตีนสูง สารอาหารทดแทนหมวดผัก และธัญพืช การกินสารอาหารทดแทนโปรตีน ในช่วงงดเว้นการกินเนื้อสัตว์นั้นก็ไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังได้สารอาหารครบอีกด้วย ลองเลือกทานกันดูนะคะ เพราะหากกินโปรตีนไม่เพียงพอละก็ รู้สึกโหยกันแน่นอน ยิ่งพวกธัญพืชยิ่งสำคัญ เราจะเห็นกันได้ว่าคนที่รักษาสุขภาพนั้นมักจะชอบทานพวกธัญพืชแทนขนมหวาน หรือเป็นอาหารว่างนั่นก็เพราะมีโปรตีนที่สูง และอยูท้องอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
4 FacebookTwitterPinterestEmail
เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน กินเจอย่างไรไม่ให้ขาดโปรตีน การกินเจนั้นนอกจากจะดีต่อสุขภาพ ช่วยดีท็อกซ์ร่างกายแล้ว ยังได้บุญจากการละเว้นเนื้อสัตว์อีกด้วย วันนี้ เว็บหวยสด เลยไม่พลาด พามาดูสารอาหารทดแทนที่ให้โปรตีนสูง เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ในช่วงระหว่างที่เพื่อน ๆ ล็อตโต้สด ทานเจกันด้วย

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน ทดแทนสารอาหารไม่ให้ขาดโปรตีน

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน
ถั่ว อาหารแหล่งโปรตีนสูง

หมวดข้าว

ข้าวสาลี ในปริมาณ 100 กรัม

ข้าวสาลี ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 139 kcal

โปรตีน : 5 กรัม

ไฟเบอร์ : 5 กรัม

ประโยชน์ : มีวิตามิน B1 ช่วยในการบำรุง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และดีต่อระบบประสาท

ข้าวบัควีท ในปริมาณ 100 กรัม

ข้าวบัควีท ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 92 kcal

โปรตีน : 3 กรัม

ไฟเบอร์ : 3 กรัม

ประโยชน์ : มีแมงกานีส ที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย

ข้าวไรซ์เบอร์รี ในปริมาณ 100 กรัม

ข้าวไรซ์เบอร์รี ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 156 kcal

โปรตีน : 3 กรัม

ไฟเบอร์ : 1 กรัม

ประโยชน์ : อุดมไปด้วยแกมมา-โอไรซานอล เป็นสารธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้

ข้าวกล้อง ในปริมาณ 100 กรัม

ข้าวกล้อง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 142 kcal

โปรตีน : 3 กรัม

ไฟเบอร์ : 1 กรัม

ประโยชน์ : มีโพแทสเซียม ดีต่อกระดูก และกล้ามเนื้อ

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน
ข้าวบัควีท

หมวดถั่ว

ถั่วเหลือง ในปริมาณ 100 กรัม

ถั่วเหลือง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 173 kcal

โปรตีน : 17 กรัม

ไฟเบอร์ : 6 กรัม

ประโยชน์ : อุดมไปด้วย ไอโซฟลาโวน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน แล้วยังทำให้ฮอร์โมนเพศสมดุลอีกด้วย

ถั่วแดง ในปริมาณ 100 กรัม

ถั่วแดง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 139 kcal

โปรตีน : 9 กรัม

ไฟเบอร์ : 10 กรัม

ประโยชน์ :อุดมไปด้วย แอนโทไซยานิน เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และปรับสมดุลให้กับร่างกาย

ถั่วเขียว ในปริมาณ 100 กรัม

ถั่วเขียว ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 138 kcal

โปรตีน : 9 กรัม

ไฟเบอร์ : 10 กรัม

ประโยชน์ : อุดมไปด้วย โฟเลต ที่จะมีหน้าที่ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ทั้งยังลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

เม็ดมะม่วงหิมพาต์ ในปริมาณ 100 กรัม

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 493 kcal

โปรตีน : 13 กรัม

ไฟเบอร์ : 3 กรัม

ประโยชน์ : อุดมไปด้วยไขมันดี ที่จะช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยกำจัดไขมันไม่ดีในเลือดออก

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน
โปรตีน กินเจ

เมนูเจ โปรตีนสูง แหล่งรวมพลังงาน สารอาหารทดแทน เลือกทานเพื่อสุขภาพ สร้างบุญแล้ว ก็ยังเป็นสารอาหารที่ช่วยทดแทนโปรตีน หรือแร่ธาตุบางอย่างที่ขาดไปได้ดีเลยทีเดียว ทั้งยังช่วยทำให้อิ่มเร็วด้วยอีก หากหลังจากการกินเจไปแล้วเพื่อน ๆ ก็สามารถเลือกทานกันต่อเพื่อเสิรมสร้างให้สุขภาพร่างกายลีนขึ้น คลีนขึ้น เพื่อสุขภาพของเราเองด้วยนะคะ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
4 FacebookTwitterPinterestEmail
Newer Posts