Tag:

ติดหวาน

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน อาการคนติดหวานเป็นยังไง คิดว่าตัวเองติดหวานหรือไม่วันนี้ลองมาเช็คไปพร้อมกัน ซึ่งวันนี้เรามาลองมาทำความเข้าใจร่างกายกันให้มากขึ้น ถ้ามีความพยายามวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังทำให้สุขภาพของเพื่อน ๆ ดีขึ้นอีกด้วย

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน รู้ทันกลไกการทำงานของร่างกาย

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน
ของหวานคือความสุข วิธีลดน้ำหนัก

อาการคนติดหวาน เป็นยังไง?

ไม่ได้ติดหวานแต่สั่งขนมหวานกินทุกวัน กินข้าวเสร็จแล้วต้องตบท้ายด้วยของหวานตลอด ไม่ได้กินก็จะกระวนกระวาย อยากทานจุกจิก แบบนี้เรียกว่าติดหวานแล้วนะ! ของหวานไม่ได้หมายถึงขนมหวานอย่างเดียว แต่หมายถึงชา กาแฟต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล วันนี้เราจะรู้ทันร่างกายกันให้มากขึ้น แล้วลองลดระดับความหวานกันดูทริคง่าย ๆ ได้ทั้งสุขภาพ และยังลดน้ำหนักได้ด้วย

ทำไมถึงติดหวาน การทำงานของร่างกาย

การทำงานของร่างกายนั้น เมื่อเรากินของหวานเข้าไป รสหวานจะไปกระตุ้นสมองให้หลั่งโดพามีน (Dopamine) ออกมาฉะนั้นเมื่อเรากินของหวานเข้าไปแล้วมักจะมีความสุขอยู่เสมอ พอกินเข้าไปบ่อย ๆ สมองก็จะชินกับรสหวาน ซึ่งในครั้งต่อ ๆ ไปเราจึงอยากที่จะเพิ่มรสชาติความหวานให้มากขึ้น เพื่อให้เรามีความสุขเท่าเดิม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราติดหวาน และอยากที่จะกินของหวานอยู่เรื่อย ๆ

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน
สมองหลั่งสารโดพามีนทำให้มีความสุข และชอบหวานขึ้นเรื่อยๆ วิธีลดน้ำหนัก

ตอนนี้ติดหวานระดับไหน?

ระดับที่ 1 กินของคาวเสร็จ แล้วต้องต่อด้วยของหวาน

ระดับที่ 2 จะรู้สึกหงุดหงิน หากไม่ได้กินของวานในวันนั้น ๆ

ระดับที่ 3 กินของหวานแทนข้าวได้

วิธีลดอาการติดหวาน

เราสามารถลดอาการติดหวานได้ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้ให้หักโหมเลิกเด็ดขาด แต่ให้ค่อย ๆ ลดไปทีละขั้น ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นคนที่ชอบกินชาไทยให้ค่อย ๆ ลดมาสั่งเป็นหวานปกติ – หวานน้อย – ไม่หวาน จากนั้นหากยังติดคาเฟอีนให้ลองหันไปกินชาจากใบชา ที่ไม่ใช่นม หรือน้ำตาล เช่นชาฉุยฟง เป็นต้น

ตัวช่วยลดอาการติดหวาน

เราสามารถกินอะไรแทนของหวานได้บ้าง จริง ๆ แล้วมีของมากมายหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ เช่นการเลือกผลิตภัณฑ์นมรสหวานธรรมชาติ ไม่เพิ่มน้ำตาล หรือหากชอบทานผลไม้ก็ให้เลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำเช่น ชมพู่ แตงโม แคนตาลูป สตรอว์เบอร์รี่ หรือหากรักสุขภาพก็สามารถเลือกทานกรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตไม่มีน้ำตาลก็ได้

ต้องบอกเลยว่าขนมหวานก็มีประโยนชน์ทำให้เรามีความสุข สมองแล่นได้ แต่ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งเพื่อน ๆ อาจจะหันมาเลือกทานอย่างพวกดาร์กช็อกโกแลต หรือหากติดคาเฟอีนก็สามารถเลือกทานอเมริกาโนไม่ใส่น้ำตาลได้ ซึ่งเมนูนี้บอกเลยว่านอกจากจะช่วยลดความอยากอาหารแล้ว ยังช่วยเผาผลาญอีกด้วยนะ

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน
วิธีลดน้ำหนัก ของหวานทางเลือก เพื่อสุขภาพ

อาการคนติดหวาน วิธีลดน้ำหนัก ฉบับคนติดหวาน ที่จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องตัดของหวานออกจากชีวิต เพราะของหวานก็ทำให้มีความสุข และมีประโยชน์กับร่างกายของเราเช่นกัน เพียงแต่ หวยสด ให้เลือกทานให้เป็น มองหาสิ่งทดแทน หรือตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าเพียงเท่านี้ก็จะเกิดความบาลานซ์ และมีสุขภาะที่ดีขึ้นได้ นอกจากนั้นยิ่งเราทานหวานน้อยเท่าไหร่ ก็จะทำให้ผิวไม่เหี่ยว ไม่หย่อนคล้อยอีกด้วย เพราะน้ำตาลก็เป็นสาเหตุทำให้หน้าแก่เช่นกันนะ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่ สมัยนี้ใคร ๆ กันหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ สาวๆ ไม่ว่าจะประโคมสกินแคร์ไปเยอะแค่ไหนก็ไม่เห็นความแตกต่าง วันนี้ลองมาปรับพฤติกรรมการกินกัน กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่ วันนี้ หวยสดพลัส ชวนมาลองมาทำความเข้าใจกับร่างกายกันให้มากขึ้น รับรองว่าเห็นผลแน่นอน

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่ ระวังแก่ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว!

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่
ของหวาน สวรรค์ของคนไทย

น้ำตาล และความหวาน

รู้หรือไม่ว่า ‘น้ำตาล’ กินมากไปนอกจะจะอ้วนแล้ว ยังทำให้แก่อีกด้วยนะ การที่เรากินของหวานเพื่อความสุขก็มีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากไปมันจะทำให้เราติดกินหวานไปเรื่อย ๆ จนยากที่จะควบคุมไหว

ซึ่งจริง ๆ แล้วองค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขมีการควบคุมและกำหนดไว้ว่าเราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 4 – 6 ช้อนชา แต่จากข้อมูลของทางกระทรวงสาธารณสุขนั้นกลับพบว่าคนไทยติดหวาน กินน้ำตาลถึงวันละ 28.4 ช้อนชาเลยทีเดียว ซึ่งเกินจากมาตรฐานไปเยอะมากถึง 4.7 เท่า วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น ว่าการกินหวานมีผลต่อร่างกายของเราอย่างไร อยากผิวดี ต้องเริ่มปรับจากพฤติกรรมนะคะ

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่
น้ำตาลทำลายสุขภาพ กินหวานแล้วหน้าแก่

ทำไมกินหวานแล้วถึงแก่เร็ว

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีใจรักหวาน รักความหวานจนต้องร้องขอชีวิต วันนี้เราจะมาลองปรับพฤติกรรมการกินกันใหม่ โดยจะต้องทำความเข้าใจพื้นฐานของน้ำตาล และร่างกายของเรากันก่อน

เมื่อเรากินของหวาน หรือน้ำตาล เข้าไปในร่างกายนั้น น้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และเดินทางไปทั่วร่างกาย ซึ่งการกินทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดเอฟเฟ็กกับผิวหนังโดยตรง โดยน้ำตาลนั้นจะทำปฏิกิริยากับ โปรตีน และ คอลลาเจน ซึ่งเมื่อน้ำตาลย่อยแล้วนั้นก็เหมือนกับไปเจอกับคู่อริอย่างโปรตีน จนไปรวมตัวจับคู่กัน หรือที่เรียกว่าจับพันธะ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะทำให้เกิด สารอนุมูลอิสระ หรือตัวออกซิเดนท์นั่นเอง ซึ่งตัวนี้จะทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ และทำให้ผิวหนังเหี่ยว มีริ้วรอยก่อนวัยนั่นเอง

โดยปกติแล้วฏปรตีน และคอลลาเจนของเรามีระยะเวลาการเสื่อมสภาพของมันตามวัน เวลา แต่ร่างกายของเราก็มีกลไกในการชะลอการเสื่อมสภาพของโปรตีน และคอลลาเจน และกลไกในการกำจัดของมัน ซึ่งน้ำตาลตัวนี้มันจะเข้าไปขัดขวางกระบวนการการทำงานของร่างกายในการกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ทำให้ร่างกายยังคงเก็บพวกโปรตีน และคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ จนทำให้ผิวหนังของเราเกิดริ้วรอยก่อนวัยนั่นเอง

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่
กินหวานแล้วหน้าแก่

ลดหวาน ลดอายุให้ผิว

การจะลดของหวานแค่คิดก็ยากแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการปรับพฤติกรรมนั้นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก วันนี้เราเลยจะมาช่วยเป็นกำลังใจ และลดความหวานไปพร้อม ๆ กัน เริ่มจากลองควบคุมความหวานกันก่อน ใครเคยกินของหวาน ชา กาแฟหนัก ๆ เริ่มค่อย ๆ ลดพวกขนมลง เหลือไว้แค่ชานม กาแฟ หรือโกโก้กันวันละแก้วก่อน

จากนั้นเมื่อร่างกายชินจึงค่อยลดพวกเครื่องดื่มไป และหันไปทานอเมริกาโนไม่ใส่น้ำตาลแทน เพราะกาแฟไม่ใส่น้ำตาลช่วยลดความอยากลงได้มาก และยังช่วยเผาผลาญอีกด้วยนะ ถือว่าวันนี้มาแจกทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำตามกัน ลดหวานได้ นอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้น แถมยังมีผิวดีเหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วยนะคะ

กินหวานแล้วหน้าแก่ จริงหรือไม่

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail